วันนี้จะมาชวนกันไปหลง(รัก)ป่า พาไปเพลิดเพลินกับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ที่ Kamikochi กันค่ะ

Kamikochi แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดฮิตที่สุด ณ ตอนนี้
และเป็นที่ที่มีทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งขอญี่ปุ่น
วิวที่นี่สวยมากจนได้รับขนานนามว่าเป็น Switzerland แห่งดินแดนญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ที่นี่น่าจะเป็น 1 ในสถานที่ในฝันของใครหลายๆคน
ที่นี่ก็เป็น 1 ในสถานที่ในฝันของเราเช่นกันค่ะ

Kamikochi เป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด Nagano
อยู่บริเวณเทือกเขาทางตอนเหนือของ Japan Alps
และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chubu-Sangaku


ช่วงเวลาท่องเที่ยวของ Kamikochi

Kamikochi จะเปิดช่วงฤดูใบไม้ผลิ - ฤดูใบไม้ร่วง และปิดในช่วงหน้าหนาว
โดยจะเปิดตั้งแต่กลางเดือนเมษายน - กลางเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี

** สำหรับปี 2018 ที่นี่เปิดให้เข้าตั้งแต่ 17 เมษายน - 15 พฤศจิกายน ค่ะ **

จริงๆ ที่นี่สามารถเที่ยวได้ตลอดตั้งแต่เมษายน - พฤศจิกายน
แต่ละเดือนก็จะได้บรรยากาศที่สวยงามแตกต่างกันออกไป

ถ้าอยากจะมาชมวิว Japan Alps แบบมีหิมะปกคลุม แนะนำให้มาช่วงกลางเดือนเมษายน - พฤษภาคม
ถ้าอยากจะมาชมธรรมชาติแบบเขียวชะอุ่ม แนะนำให้มาช่วงหน้าร้อน เดือนมิถุนายน - กันยายน
ถ้าอยากจะมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ แนะนำให้มาช่วงกลาง - ปลายเดือนตุลาคม
หรือถ้าจะเอาให้สุด ก็ไปมันทุกฤดูเล้ยยย

** ในรีวิวนี้ เราไปวันที่ 25 ตุลาคม 2018 **


การเดินทางไป Kamikochi

วิธีการเดินทางไป Kamikochi ไปไม่ยาก และสามารถไปได้จากหลากหลายเส้นทางค่ะ

การเดินทางโดยรถสาธารณะ

1. จาก Tokyo (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชม.)
มีรถ Night Bus วิ่งตรงจาก Tokyo > Kamikochi
ซึ่งจะออกจาก Tokyo ดึก และมาถึง Kamikochi เช้ามืด
สามารถจัดเป็น One Day Trip ได้เลยค่ะ เพื่อนๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.alpico.co.jp/en/timetable/kamikochi/r-tokyo-kamukochi/

2. จาก Matsumoto (ใช้เวลาเดินทาง 2.5 ชม.)
มีรถบัสวิ่งตรงจาก Matsumoto > Kamikochi วันละ 2 รอบ
เพื่อนๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.alpico.co.jp/th/timetable/kamikochi/r-matsumoto-kamikochi/

3. จาก Takayama (ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชม.)
การเดินทางจาก Takayama > Kamikochi จะไม่มีรถวิ่งตรงค่ะ
จะต้องนั่งรถบัสจาก Takayama มาลงที่ Hirayu Onsen
และนั่งรถบัสจาก Hirayu Onsen มาลงที่ Kamikochi อีกที

** ครั้งนี้เราเดินทางจาก Takayama ค่ะ เดี๋ยวด้านล่างจะรีวิวการเดินทางแบบละเอียดอีกทีนะคะ **


การเดินทางโดยรถส่วนตัว

หากใครอยากจะเช่าขับรถมาก็ได้ แต่ไม่สามารถขับเข้าไปถึง Kamikochi ได้เลยนะคะ
ขับรถยนต์ส่วนตัวสามารถขับเข้าไปได้ถึง Sawando Parking Area
ซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายที่เราจะสามารถนำรถยนต์เข้าพื้นที่ได้ค่ะ
หลังจากนั้นก็ต้องนั่งรถบัสต่อเข้าไปที่ Kamikochi อีกที


เอาล่ะ .. ถ้าพร้อมแล้ว ~ มาเดินหลงป่า ฟังเสียงแม่น้ำไหล และเพลินเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสี ไปด้วยกันค่ะ !!


การเดินทางของเราเช้านี้ เริ่มต้นที่ Takayama Nohi Bus Center ค่ะ



วิธีการเดินทางจาก Takayama ไป Kamikochi

เดินทางได้โดยการนั่งรถบัสของ Nohi Bus ค่ะ
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 1.30 ชม. ซึ่งจะต้องนั่งรถบัส 2 ต่อ
1. จาก Takayama ไปที่ Hiruya Onsen = 1 ชั่วโมง
2. จาก Hirayu Onsen ไปที่ Kamikochi = 20 นาที

** รถบัสสายนี้เป็น Route Bus ค่ะ เป็นแบบ Non-Reserved ทั้งหมด ไม่ต้องจองล่วงหน้า **

ค่าเดินทางทั้งหมด 5,040¥ (ตั๋ว Combination Ticket)

ก่อนอื่นเราต้องมาซื้อตั๋วกันก่อน
ตั๋ว Combination Ticket นี้ สามารถมาซื้อตอนวันที่จะไปได้เลยค่ะ
เพื่อนๆ สามารถเข้าไปซื้อที่หน้าเค้าเตอร์ก็ได้ หรือจะกดซื้อจากตู้อัตโนมัติก็ได้
(เค้าเตอร์ที่ Takayama Nohi Bus Center เปิด 06:00)


ตั๋วที่ได้มาจะมี 4 ท่อนค่ะ ใช้สำหรับขึ้นรถบัส 4 คัน

1. Takamama > Hirayu Onsen
2. Hirau Onsen > Kamikochi
3. Kamikochi > Hiyaru Onsen
4. Hirayu Onsen > Takayama

ตอนก่อนจะขึ้นรถ เจ้าหน้าที่จะขอดูตั๋วก่อน แต่ยังไม่เก็บไปค่ะ
พอเราจะลงจากรถ ค่อยฉีกตั๋วแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่
ที่สำคัญ คือ ต้องเก็บดีๆ ห้ามหายเลย >< ไม่งั้นต้องซื้อตั๋วใหม่

ซื้อตั๋วเสร็จแล้ว ก็ไปรอขึ้นรถบัสกันค่ะ


รถบัสที่จะไป Hirayu Onsen จอดที่ Track 5
โดยรถบัสรอบแรกจาก Takayama ไป Hirayu Onsen เริ่มวิ่ง 07:00
และไปถึงที่ Hirayu Onsen 07:58 ค่ะ

Advertisementshopee

(สามารถดูรอบรถเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nouhibus.co.jp/route_bus/kamikochi-line-en/)

อย่างที่บอกไปด้านบนว่า รถบัสเป็นแบบ Non-Reserved มาต่อแถวก่อนได้ขึ้นก่อน
เช้านี้เราเลยมารอต่อแถวตั้งแต่ 06:00 เลย (กลัวไม่ได้ไป ฮ่าๆ)

ตรงนี้แนะนำให้มาต่อแถวแต่เช้านะคะ (ถ้าจะไปรถบัสรอบแรก ไม่ควรมารอเกิน 06:30)
เพราะถ้าเป็นช่วงฮิตๆ คนมาต่อแถวกันเร็วมาก
ประมาณ 06:45 รถบัสก็มาจอด ยังไม่ 07:00 ดี รถก็เต็มและออกเลยค่ะ

พอรถออกแล้วก็ตามสบายเลย จากTakayama ไป Hirayu Onsen ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
ใครอยากจะนอนเอาแรงก็ได้ หรือจะดูวิวไปเพลินๆ ก็ได้

แต่อยากจะบอกว่า วิวระหว่างทาง สวยมากกกกก


ดูวิวเพลินๆ แป๊ปเดียวก็ถึง Hirayu Onsen ค่ะ
พอถึงที่ Hirayu Onsen แล้ว เราต้องลงรถ เพื่อไปต่อรถบัสอีกคัน
โดยรถบัสจะจอดที่ Track 2 ค่ะ



รอบของรถบัสที่วิ่งระหว่าง Hirayu Onsen ไป Kamikochi จะวิ่งทุกๆครึ่งชั่วโมง (00,30)
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25-30 นาที (ขึ้นอยู่กับป้ายที่จะลง)



ของเราพอลงรถบัสคันนู้นปุ๊บ ก็ต้องวิ่งมาต่อแถวนี้ปั๊บ เพราะอยากจะไปถึงให้เร็วที่สุด
(ถ้าเดินทางตามเราเลยก็ Takayama 07:00 > Hirayu Onsen 07:58 ขึ้นรถต่อรอบ 08:00 > Taishoike 08:16 ค่ะ)


วิวระหว่างทางจาก Hirayu Onsen ไป Kamikochi สวยมาก

Advertisement


นั่งรถมาแป๊ปเดียวก็ถึงแล้วค่ะ "Taisho Pond"
เราลงรถบัสที่ Taisho Pond แล้วค่อยเดินไปที่ สะพาน Kappa ค่ะ


Route การเดินจาก Taisho Pond ไปที่ สะพาน Kappa นี้เป็น Route ยอดฮิตค่ะ
ระยะทางการเดินทั้งหมด 3km.

จริงๆ ใครจะนั่งรถบัสไปลงที่ Kamikochi Bus Terminal แล้วค่อยเดินกลับมาก็ได้
(Kamikochi Bus Terminal อยู่ห่างจากสะพาน Kappa 300 m.)
แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปขึ้นรถบัสที่ Kamikochi Bus Terminal อีกที
ถ้าเดินจากสะพาน Kappa - Taisho Pond - Kamikochi Bus Terminal
ระยะทางจะเป็น 6km. ค่ะ

ลงรถบัสปุ๊บ ลมหนาวปะทะหน้าปั๊บบบ
เช้านี้ที่ Kamikochi หนาวมากๆ ค่ะ (น่าจะเลขตัวเดียวต้นๆ) มีน้ำค้างแข็งด้วย

นั่นไง เห็น Taisho Pond แล้ว


ตรงป้าย Taisho pond นี้จะมีโรงแรม และมีห้องน้ำสาธารณะค่ะ
แนะนำว่าควรจะจัดการธุระต่างๆ ให้เสร็จตั้งแต่ตรงนี้
เพราะจากตรงนี้ไปอีก 1.5 km. จะเป็นป่าล้วนๆ ไม่มีห้องน้ำเลยค่ะ
จัดการธุระตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็เริ่มต้นการท่องเที่ยวของวันนี้ค่ะ

จุดแรกที่เราแวะ คือ Taisho Pond


โอ้โห วิวแรกที่เห็น สตั๊นมาก


บึง Taisho เป็นบึงที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ Yake-dake
ทำให้แม่น้ำอาซุสะ (Azusa River) ถูกปิดกั้น และเกิดเป็นบึงนี้ขึ้น

สิ่งที่โดดเด่นของบึงนี้ คือ ตอนเช้าๆ ที่น้ำนิ่งๆ น้ำในบึงจะสะท้อนทุกอย่าง ราวกับกระจกเงาค่ะ
ยิ่งไปตอนหนาวๆ มีหมอกลอยบนผิวน้ำนิดๆ สวยมากๆ


สะท้อนทุกอย่างจริงๆ แม้แต่เงาของนักท่องเที่ยว


เราหยุดถ่ายรูปอยู่ตรงนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง มันดีมากเลย ดีมากจริงๆ


Japan Alps สะท้อนน้ำ สวยมากๆ ค่ะ
ถ้าเป็นช่วงที่มีหิมะปกคลุมบนเขาเยอะๆ คงจะสวยน่าดู



ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว .. หลังจากนั้นก็เริ่มออกเดินค่ะ
ทางเดินที่นี่เค้าทำไว้ดีมากๆ เดินสบาย บางช่วงเป็นสะพานไม้ บางช่วงเป็นพื้นดิน


ช่วงแรกๆ ระหว่างทางจะเป็นบึงบ้าง ป่าบ้าง สลับกันไป


เดินไปนิดเดียว เจอภูเขาสีลูกกวาดสะท้อนน้ำ ต้องรีบเก็บภาพเลย สวยจริงๆ


จาก Taisho Pond เดินไปอีกไม่นาน ก็ถึงจุดแวะที่ 2

จุดที่สองที่เราแวะ คือ จุดชมวิว Mt. Yake-dake


Mt. Yake-dake เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบค่ะ ด้านบนเขา สามารถ Trekking ขึ้นไปได้ด้วย
เคยเห็นจากรูป ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีด้านบนก็สวยงามเช่นกัน

เราเองก็คิดไว้ว่าซักวันอยากจะขึ้น Trekking ไปบนนั้น


เช้านี้อากาศหนาวจนมีน้ำค้างแข็ง



บรรยากาศดีมากค่ะ ชอบหมอกที่ลอยบนผิวน้ำมาก


ออกจากจุดชมวิว Mt. Yaka-dake ก็เดินต่อค่ะ
จากตรงนี้ไปจะเริ่มเดินเข้าไปในป่าโปร่งแล้ว

วันนี้คนค่อนข้างเยอะ มีนักเรียนมาทัศนศึกษาเยอะเลย


พอแดดเริ่มออกเยอะๆ น้ำค้างแข็งบนต้นไม้เริ่มละลาย
หยดลงมาเยอะมาก ตอนแรกนึกว่าฝนตก ><
เงยหน้าขึ้นไป เห็นแสงอาทิตย์กระทบหยดน้ำ สวยมาก



ไม่ต้องกลัวเหงา เพื่อนร่วมทางเพียบ



ระหว่างทางจะเจอต้นสนญี่ปุ่น (Japanese Larch) ที่กำลังเปลี่ยนสีตลอดทาง


ต้นสนญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนสี เป็นสีเหลืองทอง สวยมากกก


ระหว่างทางเดินจะมีป้ายเตือนให้ระวังหมีตลอดทางค่ะ
เค้าจะมีบอกด้วยว่าครั้งสุดท้ายที่เจอหมี คือ เมื่อไหร่

วันที่เราไป ครั้งสุดท้ายที่เจอพี่หมี คือ 23 กันยายน

เคล็ดลับในการเดินให้ไม่เจอพี่หมี คือ ให้ห้อยกระดิ่งไว้ที่กระเป๋าค่ะ
พอเราเดินกระดิ่งจะส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง เป็นการบอกพี่หมีไปในตัวว่ามีคนมานะ



เดินท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ไม่มีเบื่อหรือเหนื่อยเลย
เพราะบรรยากาศข้างทางมันดีมาก


เจอคุณตาคุณยายชาวญี่ปุ่นตลอดทางค่ะ
คุณตาคุณยายแข็งแรงมากๆ นับถือเลย



เดินมาเพลินๆ ก็ถึงจุดแวะที่ 3 ค่ะ

จุดที่สามที่เราแวะ คือ จุดชมวิวเทือกเขา Hotaka



จาก Taisho Pond มาถึงตรงนี้ 1 km แล้วค่ะ
ใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ชม. ถ้วน ฮ่าๆ คลานเป็นหอยทากเลย

แต่บรรยากาศดีมากๆ เดินเพลินสุดๆเหลืออีก 2.5 km สบายยยย


ความยิ่งใหญ่ของเทือกเขา Hotaka ทำให้เราตะลึงมาก สวยมากจริงๆ


จากจุดชมวิวนี้ จะมีทางแยก 2 ทางค่ะ

เลี้ยวขวา จะไป Tashiro Pond (เป็นทางตันค่ะ ไปแล้วต้องเดินย้อนกลับออกมาทางเดิม)
เลี้ยวซ้าย จะไปทางเส้นเลียบแม่น้ำ Azusa

ด้านนี้คือด้านที่จะไป Tashiro Pond ค่ะ



ตอนแรกเรากะจะไปให้ถึง Myojin Pond เลยตัด Tashiro Pond ออก ไม่ได้ไปค่ะ
เราเลี้ยวซ้ายไปเส้นเลียบแม่น้ำ Azusa เลย

พอเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะมีทางแยกอีกค่ะ
ตรงนี้ถ้าแยกไปทางขวา จะเข้าไปเดินในป่า
แต่ถ้าแยกไปทางซ้าย จะเดินเลียบแม่น้ำค่ะ


แน่นอนค่ะ .. เราต้องเดินเลียบแม่น้ำสิ


เดินมาอีกนิดเดียวก็จะได้ยินเสียงน้ำไหล
เรามาถึงริมแม่น้ำ Azusa แล้วค่า


น้ำใสมาก


ทางเดินเดินสบายมากๆ ค่ะ เดินได้เรื่อยๆ เพลินๆ


พอเดินมาเจอแม่น้ำ อีกแค่นิดเดียวก็จะเจอ Tashiro Bridge จุดแวะต่อไปของเรา


ตรงนี้มีป้ายบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของ Kamikochi ด้วย


จุดที่สี่ที่เราแวะ คือ สะพาน Tashiro



ตรงสะพาน Tashiro นี้ เป็นเหมือนจุดพักครึ่งทางระหว่าง Taisho Pond กับ สะพาน Kappa
ตรงนี้จะมีโรงแรม มีที่นั่งพักทานข้าว มีห้องน้ำ
ตรงจุดนี้คนจะมานั่งปิคนิค ทานข้าว กันเยอะมากๆ เพราะวิวอลังการล้านแปดค่ะ

** ที่สำคัญ คือ ตรงสะพาน Tashiro นี้แหละ
จะเป็นจุดแรกที่เราได้เห็นวิวเทือกเขา Japan Alps กับ แม่น้ำ Azusa แบบเต็มๆ ตา **

จากบนสะพาน มองย้อนกลับไปทางที่เราเดินมา


จากบนสะพาน มองไปทางที่เรากำลังจะเดินไป อลังการมาก แค่นี้ก็ฟินแล้ว


จากสะพาน Tashiro เป็นต้นไป จะมีทางเดิน 2 ฝั่งค่ะ
คือ ฝั่งซ้าย กับ ฝั่งขวา ขนานกันไป โดยมีแม่น้ำ Azusa คั่นตรงกลาง

จุดหมายปลายทางคือ สะพาน Kappa เหมือนกัน แต่วิวทั้งสองฝั่งแตกต่างกันค่ะ

เราลองเดินมาทางฝั่งซ้ายก่อน เดินมานิดเดียวก็เจอจุดสำหรับนั่งทานข้าว นั่งปิคนิค
คนนั่งกันเยอะมาก เพราะวิวตรงนี้ดีมากๆ เราเองก็อยากนั่งค่ะ แต่ที่เต็ม ฮ่าๆ

อ้อ ! ลืมแนะนำไปอย่างนึง อย่าลืมพกเบนโตะมานั่งทานริมแม่น้ำด้วยนะคะ มันฟินมากกกจริงๆ

แต่ทานเสร็จแล้วต้องนำขยะใส่กระเป๋ากลับไปทิ้งข้างนอกด้วยนะคะ
เพราะที่ Kamikochi ไม่มีถังขยะเลยแม้แต่ถังเดียวค่ะ


แก๊งคุณตาคุณยายชาวญี่ปุ่นค่ะ มาเป็นแก๊งแบบนี้เลย น่ารัก


วิวจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำ มองไปฝั่งตรงข้าม


ลองมองกลับไปทางที่เดินมาบ้าง สวยจัง




ชอบสีสันของฤดูนี้มากๆ



ซักพักเราก็เดินย้อนกลับไปที่สะพาน Tashiro ค่ะ เดี๋ยวเราจะไปเดินฝั่งขวากันบ้าง


จากตรงนี้ไป เป็นภาพจากทางเดินฝั่งขวาของแม่น้ำนะคะ
จากสะพาน Tashiro ไปสะพาน Kappa อีก 1.5 km


จากสะพาน Tashiro (ฝั่งขวา) เดินมาอีกอึดใจเดียว จะเจอโค้งน้ำสุดอลังการ
ตรงนี้จะมีทางลง เราสามารถลงไปเดินใกล้ๆ ริมแม่น้ำได้เลย

จุดที่ห้าที่เราแวะ คือ โค้งน้ำและทิวต้นสน


เดินลงมาริมแม่น้ำ จะเจอวิวแบบนี้เลย


จากตรงนี้มองไปฝั่งซ้ายของแม่น้ำบ้าง
ตรงนี้จะมีโรงแรม 2 โรงแรมค่ะ ถ้ามีโอกาสอยากจะมาค้างที่นี่ซักคืน ต้องฟินมากแน่ๆ


น้ำสีฟ้ามากๆ


เราลองเดินไปตรงโค้งน้ำบ้าง พอเห็นโค้งน้ำเท่านั้นแหละ
ตะลึงมากกกก วิวโค้งน้ำและทิวต้นสนนี้แหละที่ตามหา

มันดีมาก จนไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง


ซูมเข้าไปที่ทิวต้นสน ชอบมากๆ ค่ะ
ภูเขาด้านหลังก็ด้วย เขียวๆ เหลืองๆ สวยมาก


ถ้าเดินฝั่งซ้ายของแม่น้ำ ก็สามารถลงมาตรงโค้งน้ำได้เหมือนกันค่ะ


เราถ่ายรูปตรงมุมนี้มาไว้อัพโปรไฟล์เป็นร้อยค่ะ ดีงามมากจริงๆ
ทั้งแสงอุ่นๆ ทั้งทิวสนด้านหลัง ลงตัวมากๆ


หลังจากถ่ายรูปจนพอใจ ก็กลับขึ้นมาเดินบนทางหลัก
บนทางหลักก็จะเห็นวิวเดียวกับเมื่อกี้เลยค่ะ เพียงแต่ตรงทางหลักจะเป็นทางเดิน
ถ้าอยากถ่ายรูปนานๆ ลงไปตรงแม่น้ำจะดีกว่า
คนน้อย บรรยากาศดี เหมือนที่ตรงนั้นเป็นของเราเลยค่ะ

ติดใจทิวสนนี้จริงจังอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้นานๆ


ภูเขาด้านหลัง ต้นสนเปลี่ยนสีเป็นหย่อมๆ ถ้าเปลี่ยนทั้งภูเขาต้องสวยมากแน่ๆ


มันดีต่อใจจริงๆนะ


ตรงข้ามทิวสน เป็นเทือกเขา Hotaka


ตรงโค้งทิวสนนี้ มีโต๊ะให้นั่งทานข้าวด้วย วิวหลักล้านขนาดนี้ ไม่แวะไม่ได้แล้ว
หยิบเอาข้าวปั้นที่ซื้อมานั่งทานไปชมวิวไป ฟินมากกกกก อยากจะนั่งไปนานๆ เลย


นั่งชมวิวจนพอใจแล้วก็เดินต่อกันค่ะ


มองย้อนกลับไปจากที่เดินมา ตรงซ้ายมือ คือตรงที่เราแวะทานข้าวปั้นเมื่อกี้


มองขึ้นไปบนฟ้าบ้าง


บรรยากาศรอบๆ ดีมากเลย


เทือกเขา Hotaka / ท้องฟ้าสีฟ้า / ต้นสนสีเหลือง มันดีมากจริงๆ ..


จากทิวต้นสน เดินมาอีกไม่นานก็เห็นสะพาน Kappa ลิบๆ ใกล้จะถึงแล้วค่ะ ^^


ก่อนถึงสะพาน Kappa ด้านขวามือจะเป็น Kamikochi Bus Terminal ค่ะ
เดี๋ยวเราก็ต้องกลับมาขึ้นรถบัสกลับ Takayama ตรงนี้แหละ


วิวข้างทางก็สวย สวยทุกมุม


พอใกล้จะถึงสะพาน Kappaคนก็เริ่มเยอะขึ้นค่ะ มีที่ให้นั่งพักเยอะขึ้นด้วย


ใกล้ถึงสะพาน Kappa แล้ว


มองย้อนกลับไปทางที่เดินมา
เราเดินมาถึงตรงนี้ประมาณ บ่าย 2 โมงครึ่งค่ะ



ถึงแล้วค่ะ สะพาน Kappa เดี๋ยวเราเข้าไปใกล้ๆ กัน



มองไปฝั่งตรงข้ามบ้าง ชอบมุมนี้จังเลย สีตัดกันดีมาก


ยิ่งเดินเข้ามาใกล้สะพาน Kappa เท่าไหร่ ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น นี่มันภาพวาดชัดๆ


จุดที่หกที่เราแวะ คือ สะพาน Kappa



สะพาน Kappa ถือเป็นจุดศูนย์กลางของ Kamikochi ค่ะ บริเวณนี้จะมีจุดจอดรถบัส
และตรงสองฝั่งของสะพาน Kappa จะเป็นร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก

ที่ร้านขายของที่ระลึก มีของฝากหลายประเภทมาก
ทั้งของกระจุ๊กกระจิ๊กที่เป็นรูปกัปปะ สัญลักษณ์ของที่นี่
ทั้งของที่เกี่ยวกับ Japan Apls และ Kamikochi แล้วก็มีขนมอีกมากมาย
ส่วนด้านนอกร้าน ก็จะมีขายของทานเล่นต่างๆ


เดินมาหนาวและเหนื่อย จัด Soft Serve 1 โคนให้ชื่นใจ โคนนี้ 400¥ ค่ะ
นั่งทานไอศครีมไป ชมวิวไป มันดีต่อใจมากจริงๆ


มุมนี้นี่มันภาพวาดชัดๆ เดี๋ยวขึ้นไปชมวิวบนสะพานกันค่ะ


โอ๊ยย นี่ไง เรามาเพื่อมุมนี้ แบบนี้สิถึงจะเรียกว่ามาถึง Kamikochi สวยมาก สวยมากจริงๆ


เราว่าบนสะพาน Kappa เป็นจุดที่จะชมวิวนี้ได้สวยที่สุด


จัดไปหลายๆ มุม ตรงนี้เราถ่ายจากข้างๆ สะพาน Kappa ค่ะ
เดินมา 3 km. นอกจากจะฟินกับวิวระหว่างทางแล้ว
มาเจอมุมนี้ไป คือ บอกเลยว่า ตายตาหลับแล้วค่ะ มันดีมากจริงๆ


นักท่องเที่ยวต่างยืนดื่นด่ำกับวิวตรงหน้า จากบนสะพาน Kappa


ตกหลุมรักที่นี่อย่างเต็มเปา อยากจะตั้งเต๊นท์นอนมันตรงนี้เลย ไม่ไปไหนแล้ว


เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานเหมือนกันค่ะ ประมาณชั่วโมงกว่าๆ
ตอนแรกแพลนมาว่าจะเดินไปถึง Myojin Pond
ซึ่งต้องเดินจากสะพาน Kappa ไปอีกประมาณ 3 km (ไป-กลับ 6 km)
แต่เรามาถึงที่สะพาน Kappa ช้าไปนิด ถ้าเดินไปต่อ อาจจะได้นอนที่นั่นเลยก็เป็นได้
เลยตัดสินใจว่าเอาไว้คราวหน้าค่อยมาซ้ำอีกที (หาข้ออ้างมาซ้ำไง)

หลังจากนั่งชมวิวจนพอใจ แสงแดดเริ่มจะหมด เลยตัดสินใจกลับดีกว่า
ทั้งๆ ที่ จริงๆ แล้วไม่อยากจะกลับเลย T.T

จากสะพาน Kappa ต้องเดินย้อนกลับไปประมาณ 300m ถึงจะเจอ Bus Terminal ค่ะ


แม้แต่ทางเดินไป Bus Terminal ยังสวย


ตรงนี้คือ Kamikochi Bus Terminal ค่ะ เดี๋ยวเราจะขึ้นรถกลับกันตรงนี้แหละ


แต่ก่อนจะขึ้นรถกลับ เราแวะมาที่ Post Office เพื่อส่งโปสการ์ดก่อนค่ะ

หากเพื่อนๆ คนไหนอยากส่งโปสการ์ด
สามารถหาซื้อโปสการ์ดจากร้านขายของที่ระลึก ตรงสะพาน Kappa ได้เลยค่ะ
ที่ร้านมีโปสการ์ดให้เลือกเยอะมากกก >< เลือกแทบไม่ถูกเลย
แต่ที่ร้านขายของที่ระลึก จะไม่มีสแตมป์ขายนะคะ
ต้องมาซื้อสแตมป์ และส่งโปสการ์ดที่ Post Office ที่เดียวเท่านั้น

ด้านใน Post Office มีมุมให้นั่งเขียนโปสการ์ดด้วย
มีทั้งปากกา ทั้งตัวปั๊ม ให้เล่นเยอะเลย


หลังจากส่งโปสการ์ดเสร็จ ก็เดินไปขึ้นรถค่ะ
ถึงเวลาต้องโบกมือลา Kamikochi แล้ว

เราขึ้นรถกลับจาก Kamikochi รอบ 4 โมงเย็น พอดี
คือ มาถึงจุดจอดรถปุ๊บ ได้ขึ้นรถปั๊บ แถมยังเหลือที่สุดท้าย โชคดีมากๆ
(รถบัสจาก Kamikochi กลับไป Hirayu Onsen ขึ้นที่ Track 5 นะคะ)

เรามาถึง Hirayu Onsen 16:30 และกลับถึง Takayama 17:30 ค่ะ

เราใช้เวลาอยู่ที่ Kamikochi ทั้งหมด ประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่งค่ะ (08:30 - 16:00)
ใช้เวลาเยอะสุดๆ มากกว่าคนอื่น 1 เท่า เพราะมัวแต่แวะพักบ้าง หยุดถ่ายรูปบ้าง ฮ่าๆๆ
ถ้า Route นี้ ปกติทั่วๆไป ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงก็เพียงพอค่ะ


สุดท้ายนี้ เราตกหลุมรักที่นี่อย่างเต็มเปา รักบรรยากาศที่นี่มากๆ
อยากจะบอกว่า ที่นี่ต้องมาค่ะ ! ช่วงไหนก็ได้ เพราะเราเชื่อว่าที่นี่ไม่ว่าจะบรรยากาศไหนก็สวย
และอยากจะให้ทุกคนได้มาสัมผัส Kamikochi ด้วยตัวเองจริงๆ
แล้วจะหลงรักที่นี่ เหมือนอย่างที่เราหลงรัก


คำแนะนำเพิ่มเติม

1. ควรให้เวลาที่นี่ทั้งวัน จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้เต็มที่
เส้นทาง Basic Route (Taishi Pond > Kappa Bridge)
ระยะทางประมาณ 3km. ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง
หากจะเดินต่อไปอีกถึง Myojin Pond (Kappa Bridge > Myojin Pond > Kappa Bridge)
ไป-กลับระยะทาง 6 km ค่ะ

2. เรื่องของการแต่งกาย ที่นี่อากาศจะหนาวกว่าในเมืองพอสมควร
ยิ่งเช้าๆ ยิ่งหนาว แต่พอสายๆ มีแดด จะเริ่มร้อน
แนะนำให้เสื้อผ้ามาให้พร้อม ใส่มาแบบเป็นเลเยอร์ ร้อนค่อยถอดเอาค่ะ

3. พกน้ำและขนมมาเล็กๆน้อยๆ เผื่อหิวระหว่างทาง
เพราะที่นี่จะมีจุดขายของแค่ 2 จุด คือ ในโรงแรมตรง Tashiro Bridge
และ ร้านขายของตรง Kappa Bridge ค่ะ

4. พกเบนโตะมานั่งทานริมน้ำด้วยนะ จะฟินมากกกๆ
แต่ต้องเก็บขยะใส่กระเป๋ากลับไปทิ้งด้านนอกด้วยนะคะ


ขอปิดรีวิวด้วยคลิปบรรยากาศที่ Kamikochi ที่เราถ่ายมาเล็กๆ น้อยๆ
แล้วพบกันใหม่นะคะ ^^

ความคิดเห็น