ครั้งแรกที่ "บ้านแม่จอก" ก็เจอ . . . ?
ธรรมชาติคือจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง ธรรมชาติหล่อหลอมทุกชีวิตไว้ด้วยกัน ธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม ทุ่งหญ้า สายน้ำ ภูเขา ความสุขที่แท้อยู่แค่รอบตัวเรานี้เองเจ้าา...🌳🌴🌱🌾🍃🍂
วันนี้แพร่รีวิวพาทุกคนมาดื่มด่ำธรรมชาติกันที่บ้านแม่จอก อ.วังชิ้น บอกได้เลยว่า “แม่จอก” บ่ได้มีแค่ “บ่อน้ำพุร้อน” เน้อจ้าว .......
เจอหมวกแบบนี้ บ้านเราเรียกว่าหวด เอาไว้ปิดฝาตอนนึ่งข้าวเหนียว พี่เขาก็นำมาประยุกต์เป็นหมวก มีความเป็นเอกลักษณ์แต้ๆจ้าว
เจอทุ่งถั่วลิสงเรียงกันสวยๆ
เจอคุณยายและควายเผือก
จอคุณยายยิ้มสวย
เจอแตงโมลูกใหญ่ๆ
เจอคุณลุงคุณตารำดาบขั้นเทพ
เจอชุดกะเหรี่ยงสาวโสด
Advertisement
เจอไข่ลวกแบบนี้
เจอตะเกียงโบราณแบบนี้
เจอคุณยายแกะมะพร้าวให้กิน แกเป็นคนอารมณ์ดี
เจอผีเสื้อผสมพันธุ์กันด้วย
ทริปนี้เรามากัน 2 วัน 1 คืน โดยได้รับการต้อนรับจาก “แม่จอกโฮมสเตย์” และชาวบ้านต.แม่จอกเป็นอย่างดี
อยากรู้ว่าเราเจออะไร ตามรีวิวมาเลยออเจ้า
ก่อนเริ่มทริปเรามาเก็บข้าวของสัมภาระต่างๆกันที่บ้านของแม่วรรณ เป็นบ้านพักที่ทาง “แม่จอกโฮมสเตย์” จัดหาให้จ้าว...แม่วรรณใจดีขนาด เตรียมทั้งขนมข้าวต้ม เครื่องดื่มไว้ต้อนรับ และยังมีเสื้อหม้อห้อมกับหวดอันเล็กมาสวมเป็นหมวก น่าฮักขนาดจ้าว
จากนั้นเราก็ไปชมธรรมชาติ ทุ่งนา สวนถั่วของชาวบ้านบริเวณแยกบ้านนาฮ่าง...ตอนที่ไปเป็นช่วงต้นเดือนมีนาคม ยังไม่ถึงฤดูปลูกข้าว ชาวบ้านจึงเป็นปลูกสวนถั่วลิสงกันจ้าว
แดดช่วงเที่ยงค่อนข้างร้อนมากหน่อย แต่ก็ได้ภาพที่สวยมากๆมาให้หายร้อนเยอะเลยจ้าว
จากนั้นก็ไปชมก้างเฟียงกับน้องควายของชาวบ้านที่บ้านแม่สิน โชคดีได้เจอควายเผือกตวยจ้าว งามขนาดเลย...คุณยายที่นั่งอยู่ด้านหน้ากองเฟียงก็กำลังปักลูกปัดลงบนเสื้อที่ชาวกะเหรี่ยงมักสวมใส่กันจ้าว
เสร็จแล้วก็หิวพอดี เลยมาแวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านส้มตำบ้านแม่จอก หมู่5 ก่อนจะพักผ่อนตามอัธยาศัย
หลังจากนั้นก็ไปชมวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงบ้านแช่ฟ้าที่วัดแช่ฟ้านาฮ่าง
จุดเด่นของชุดชาวกะเหรี่ยงก็คือ สาวโสดจะสวมชุดผ้าขาวยาวถึงตาตุ่ม ส่วนหญิงที่แต่งงานแล้วจะสวมเสื้อแยกกับผ้าซิ่นจ้าว
มีการแสดงฟ้อนเจิง และชมเสื้อผ้าของชาวกะเหรี่ยง
ส่วนของชายหญิงจะต่างกันตรงที่เสื้อของผู้หญิงจะปักด้วยลูกปัดสวยงาม แต่ของผู้ชายจะเป็นผ้าเรียบๆจ้าว
แวะมาชิมแตงโมของลุงหนานแก้ว ลูกใหญ่ หวานฉ่ำขนาด...คุณลุงขายอยู่ที่ลูกละ 50, 60 และ 70 บาทตามขนาดจ้าว ลูกนึงหนักประมาณ 5 กิโลได้จ้าว
แวะมาดูการทอผ้าชุดชาวกะเหรี่ยงของคุณป้าเสา
แล้วก็มาเยี่ยมคุณยายดำ ปีนี้คุณยายอายุ 86 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรงอยู่เลยจ้าว
ที่แขนคุณยายมีรอยสัก และคุณยายเจาะหูที่เป็นเอกลักษณ์ของคนพื้นถิ่นจ้าว
บนบ้านคุณยายดำ
จากนั้นก็ไปเก็บผักกูดที่บ้านแม่บงเหนือกับคุณกุ๊กไก่ สาวสวยที่ผันตัวจากสาวออฟฟิศในเมืองกรุงมาทำเกษตรอินทรีย์ทฤษฎีใหม่อย่างจริงจังเพราะอยากพัฒนาเศรษฐกิจและการเกษตรของหมู่บ้านเจ้า นับถือๆมากเลยจ้าว
มาถึงสวนธรรมชาติแบบนี้ทั้งที่ พี่กุ๊กไก่ก็ลงมือโบะมะพร้าวให้ชิมกับมือเลยจ้าว จัดกันไปคนละลูกสองลูก
จากนั้นก็แวะมาที่บ้านลุงยก ผู้ทำถ้วย ไม้เกาหลัง ไม้กวาดจากไม้ไผ่จ้าว
แล้วก็แวะมาดูลุงสุนทร ทำผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ เป็นฮ้านภาษาบ้านเฮา หรือแคร่ไม้ไผ่นั่นเองจ้าว
พอตะวันใกล้ตกดิน ก็มาทานมื้อเย็นกันที่สวนผักอินทรีย์ของพี่กุ๊กไก่ อาหารพื้นเมืองที่ชาวบ้านช่วยกันทำ ความอร่อยนี่ล้นถ้วยล้นชามเลยจ้าว
แล้วก็แวะมาดูต้นไทรยักษ์ อายุกว่า 200 ปี จากการคาดการแล้ว น่าจะใหญ่ขนาด 6-7 คนโอบเลยจ้าว
พอค่ำก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านของแม่วรรณ เป็นบ้านพักชั้นเดียว มี 1 ห้องนอนเล็ก 1 ห้องน้ำ และห้องโถงใหญ่ กว้างพอที่จะรับคนได้ 4-5 คนจ้าว
วันที่ 2 เราเริ่มต้นวันด้วยการมาอาบน้ำแร่ แช่น้ำพุร้อนที่ “บ่อน้ำร้อนแม่จอก” จ้าว
การใช้บริการบ่อน้ำร้อนมี 2 แบบจ้าว
1. ธรรมดา ราคา 50 บาท/คน แยกฝั่งชายและหญิงอย่างละ 4 ห้อง
แบบธรรมดา 1 ห้องจะมี 1 บ่อไว้สำหรับแช่น้ำร้อน และฝักบัวไว้สำหรับอาบจ้าว
2. VIP ราคา 100 บาท/คน มี 4 ที่แต่ละที่มีทั้งส่วนที่เป็นห้องปิดส่วนตัวชั้นล่าง และส่วนอ่างเปิดโล่งไว้ชมวิวชั้นบนจ้าว
แบบ VIP 1 ห้องจะมี 2 บ่อ เป็นบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่ และบ่อน้ำเย็นสำหรับอาบจ้าว
ทุกแบบจะมีผ้าขนหนูให้คนละ 1 ผืน สำหรับผู้หญิงที่กลัวโป๊ก็มีผ้าซิ่นไว้ให้เช่าผืนละ 10 บาทจ้าว
อีกทั้งที่บ่อน้ำพุร้อนแม่จอกยังมีบ้านพักให้บริการจำนวน 2 หลัง หลังละ 500 บาท พักได้ 2 คน แต่ละหลังมีน้ำร้อนจากบ่อน้ำแร่ไว้ให้แช่และอาบตวย แต่ไม่มีบริการอาหารหนาจ้าว
ที่พลาดไม่ได้ของคนที่มาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนแม่จอกก็คือ การลวกไข่นั่นเอง ที่นี่มีไข่หลายรูปแบบทั้ง ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่นกกระทา ไข่เค็มไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเลือกได้ตามชอบใจจ้าว
ไข่ทุกแบบราคาตะกร้าละ 50 บาท พร้อมทั้งมีซอสปรุงรส ถ้วย ช้อนไว้บริการเพื่อความสะดวกสบายตวยจ้าว เราก็จัดไข่ต้มไข่ลวกรองท้องก่อนอาหารเช้ากันไปคนละ 3-4 ฟองได้ อิ่ม อร่อย และยังสนุกได้อีกจ้าว
พออาบน้ำจนสบายตัวกันแล้ว เราก็ไปทานอาหารเช้ากันที่ฮ่างริมนาของชาวบ้าน กับข้าวเมืองๆที่ชาวบ้านทำมาให้ทาน พออิ่มก็ถ่ายภาพยามเช้า เก็บบรรยากาศ ความสดชื่น ทุ่งนา สายลม อากาศดี ฟินสุดๆเลยจ้าว
มาชมภาพมุมสูงในหมู่บ้านแม่จอกกัน...
กับข้าวเมืองง่ายๆ แต่ลำสุดยอด อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจจ้าว
จากนั้นก็มาที่บ้านพักของ “แม่จอกโฮมสเตย์” ดูห้องที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวจ้าว บ้านพักที่นี่หลังละ 500 บาท แต่ถ้าจะเหมาทั้งเที่ยวและที่พักแบบเราคนละ 1,500 บาทจ้าว
บ้านพักของ “แม่จอกโฮมสเตย์” มีทั้งทีวี ตู้เย็น wifi เครื่องนอน และห้องน้ำใหญ่สะอาดไว้ให้บริการอย่างสะดวกสบายเลยจ้าว
แต่ตอนนี้ยังปิดปรับปรุงอยู่ เพราะกำลังทำบ้านพักเพิ่มเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นจ้าว จะเปิดบริการอีกทีช่วงเดือนกันยายน ใครสนใจสามารถติดต่อได้ทาง...
☎️ : 083-573-3119
FB : แม่จอกโฮมสเตย์
ที่แม่จอกโฮมสเตย์ มีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำ เช่น การละเล่นขาโถกเถง การเล่นยิงหน้าไม้ หรือใครชอบเดินป่าขึ้นเขาลงห้วย ที่นี่ก็มีจุดกางเต้นท์บนดอยตวยจ้าว
หลังจากนั้นก็มาฝากท้อง พักทานมื้อเที่ยงจากฝีมือชาวบ้านอีกมื้อ เพื่อเพิ่มพลังกันก่อนจะไปสู่ที่หมายต่อไป...
แล้วก็มาดูการทอผ้าซิ่นตีนจกที่ทอกันใต้ถุนบ้าน เป็นการสร้างรายได้ทางหนึ่งให้ชาวบ้านจ้าว
จากนั้นก็มาที่ Siam butterflie farm เป็นสวนเลี้ยงผีเสื้อของคุณพี่รำไพ ผีเสื้อที่นี่เป็นผีเสื้อพันธุ์ของอ.วังชิ้นโดยเฉพาะเลยจ้าว มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ คุณพี่รำไพและสามีสนใจในเพาะพันธุ์เพื่อส่งออก ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อพี่รำไพได้ทาง...
☎️ : 095-436-6129
พี่รำไพอธิบายให้ฟังทุกขั้นตอนในการเพาะผีเสื้อ เริ่มต้นจากผีเสื้อจะวางไข่สีเหลืองเป็นเวลา 3-4 วันจึงฟักเป็นตัวหนอน
จากนั้นหนอนจะมีอายุประมาณ 4 สัปดาห์ โดยสีและขนาดของตัวหนอนจะเพิ่มขึ้นตามอายุจ้าว
สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นกันมากก็คือ เวลาน้องหนอนตกใจ มันจะพ่นน้ำที่มีกลิ่นฉุนออกมาเพื่อไล่ศัตรู โดยกลิ่นฉุนที่ออกมานั้นจะเกิดขึ้นตามต้นไม้ที่น้องหนอนอาศัยอยู่ อย่างหนอนของที่นี่เลี้ยงบนต้นส้มจี๊ด กลิ่นฉุนที่ว่าก็จะเป็นกลิ่นของส้มจี๊ด แต่ไม่ได้มีกลิ่มหอมแต่อย่างใด จะเป็นกลิ่นเปรี้ยวที่ฉุนแทนจ้าว
พี่รำไพเล่าให้ฟังอีกว่า น้องหนอนส่วนใหญ่เกิดมาจะกินใบแค่ต้นที่เกิดเท่านั้น บางทีลองเปลี่ยนเป็นต้นอื่นดูบ้าง หนอนก็จะไม่กินใบต้นใหม่แล้วตายในที่สุด แต่ถ้าต้องเปลี่ยนต้นจริงๆก็ต้องเปลี่ยนช่วงที่หนอนยังเล็กอยู่
หลังจากนั้นก่อนตัวหนอนจะกลายเป็นดักแด้ เค้าจะถ่ายเหลวบ่งบอกการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แล้วจึงกลายเป็นดักแด้มีอายุประมาณ 2 สัปดาห์จ้าว
ดักแด้ของผีเสื้อแต่ละชนิดก็ต่างกันไป บ้างก็เป็นสีเขียวคล้ายกับใบไม้สด บ้างก็เป็นสีน้ำตาลคล้ายใบไม้แห้ง บ้างก็เป็นใยคล้ายใยแมงมุมจ้าว
สุดท้ายหลังจากออกจากดักแด้ก็จะกลายเป็นผีเสื้อที่มีความสวยงาม ซึ่งจะมีอายุประมาณ 2 สัปดาห์เช่นกัน ตอนไปได้เห็นผีเสื้อกำลังผสมพันธุ์พอดี จุดเด่นคือตัวเมียจะอยู่ด้านบน และสามารถวางไข่ได้วันละถึง 50 ฟองเลยจ้าว
ไปตามจับกำบี้กัน
พอชื่นชมความสวยงามของผีเสื้อแล้วเราก็ขอบคุณพี่รำไพ แล้วเดินทางต่อสู่ที่หมายสุดท้ายด้วยการไปไหว้พระ ขอพรที่วัดพระธาตุขวยปู
พระธาตุขวยปู ประดิษฐานสถานอยู่ที่วัดชัยสิทธิ์ ต.แม่ป้าก คำว่า ขวยปู หรือ ขุยปู นั้นหมายความถึง รูปู จ้าว
พอไหว้พระ ทำบุญ อิ่มใจกันเต็มที่ เราก็ได้กล่าวลาและขอบคุณชาวบ้านแม่จอกทุกคนที่คอยให้การต้อนรับและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพี่ๆจาก “แม่จอกโฮมสเตย์” ที่พาเราเที่ยวตลอดทั้ง 2 วันจ้าว
มีประวัติเล่าขานกันมาว่า ในสมัยพระพุทธจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงกำเนิดเป็นปูนาใหญ่สีเหลือง ตามตำนานเรียกว่า “ปูคำ” ซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำกก บ้านแม่ป้าก
ปูคำ เป็นปูที่มีความกตัญญู คอยดูแลเลี้ยงดู หาน้ำหาอาหารให้แม่ที่แก่ชรา พร้อมกันนั้นปูคำก็ได้บำเพ็ญเพียรรักษาศีลภาวนา สั่งสมบารมีทานอยู่ที่ถ้ำ จนกระทั่งแม่เสียชีวิตปูคำพระโพธิสัตว์จึงได้ตัดสินใจที่จะเจาะรูเพื่อเดินทางออกจากถ้ำไปสั่งสมบารมีทาน
ก่อนที่ปูคำจะเจาะรูออกจากถ้ำก็เกิดคิดถึงแม่ ถ้ำที่อยู่อาศัยและทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงชีวิตของตนและแม่ ล้วนเป็นสิ่งที่มีพระคุณ จึงเจาะรูโพล่ขึ้นเป็นเนินพิเศษทางทิศตะวันออก ห่างจากถ้ำประมาณ 300 เมตร ซึ่งปัจจุบันคือสถานที่ประดิษฐานพระธาตุขวยปู
พร้อมตั้งจิตอธิฐานให้ที่แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน พระอโศกมหาราชแห่งอินเดีย ได้ส่งพระธรรมทูตมาเผยแพร่ศาสนา และได้นำพระบรมสารีริกธาตุ ไหล่ด้านซ้ายของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐ์ไว้ในรูปูแล้วก่อเจดีย์ทับไว้
ที่มา : http://www.phrae.go.th/tem/tip/nature_phrae/hagi34.html
พวกเรารู้สึกประทับใจและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชาวบ้านแม่จอก ชาวบ้านอ.วังชิ้น และทุกคนในจังหวัดแพร่จะให้การสนับสนุน และส่งเสริมความเป็นอยู่ เศรษฐกิจของบ้านเราให้ดีๆยิ่งขึ้นไปอีกจ้าว
Facebook page : แพร่รีวืว
เขียน :ชัชยา
ถ่ายภาพ : บิ๊กบอส , ฮามันหนวด
ขอบคุณแม่จอกโฮมสเตย์และชาวบ้านทุกคนจ้าว
Phraereview
วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.33 น.